Audi RS6 E-Tron ที่เป็นรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ จะมีให้เลือกทั้งในรูปแบบตัวถัง Sportback และ Avant ซึ่งแตกต่างจาก RS7 ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ซึ่งมีเฉพาะตัวถังแวกอนเท่านั้น
- มีการจับภาพต้นแบบของ Audi RS6 E-Tron Avant ขณะทำการทดสอบพัฒนา
- รุ่นสมรรถนะสูงสุดในไลน์ A6 E-Tron มาพร้อมกับชุดแต่งตัวถัง ที่ดุดันกว่าเดิม
- มีข่าวลือว่า EV คันนี้จะมีกำลัง 805 แรงม้า พร้อมการอัปเกรดด้านการควบคุมหลายอย่าง
Audi RS6 กำลังเตรียมเข้าสู่ยุคของรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ
โดยรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น RS7 ส่วน RS6 E-Tron รุ่นใหม่ทั้งหมดคาดว่าจะเปิดตัวในปีหน้า แต่ในขณะนี้ช่างภาพสายสอดแนมของเราได้จับภาพต้นแบบของรุ่นตัวถัง Avant ที่พรางตัวไว้ โชว์ให้เห็นชุดแต่งตัวถังที่เป็นเอกลักษณ์ของรุ่น RS
การปรากฏตัวครั้งแรกของ RS6 E-Tron Avant แบบสอดแนมเกิดขึ้นห้าเดือนหลังจากที่เราได้เห็นต้นแบบของรุ่น Sportback ที่เทียบเท่ากันเป็นครั้งแรก
ยกระดับสมรรถนะสู่ขีดสุด
รุ่น RS6 E-Tron ที่มีความใช้งานได้จริงมากกว่า ยังคงใช้กันชนหน้าและหลังแบบสปอร์ต เช่นเดียวกับรุ่น Sportback ซึ่งทำให้รุ่นเรือธงของ Audi Sport แตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ในไลน์ A6 E-Tron จุดเด่นได้แก่ ช่องดักอากาศเฉพาะของรุ่น RS ด้านหน้า และดิฟฟิวเซอร์ขนาดใหญ่ด้านหลัง
ยังไม่ชัดเจนว่าเวอร์ชัน RS จะมีซุ้มล้อที่กว้างกว่ารุ่น A6 E-Tron Avant ปกติหรือไม่ แต่คาดว่าจะมาพร้อมกับระยะฐานล้อที่กว้างขึ้น ล้อและยางที่ใหญ่กว่า นอกจากนี้ยังคาดว่า RS6 E-Tron จะติดตั้งระบบกันสะเทือนที่ต่ำลงและสปอร์ตยิ่งขึ้น รวมถึงมีระบบเบรกขนาดใหญ่ขึ้น
พลังไฟฟ้าทะลุ 800 แรงม้า
แม้ว่า Audi จะยังไม่เปิดเผยข้อมูลอย่างเป็นทางการ แต่มีข่าวลือว่า RS6 E-Tron จะมีกำลัง 805 แรงม้า (600 กิโลวัตต์ / 816 แรงม้า PS) โดยส่งกำลังไปยังล้อทั้งสี่ ซึ่งถือว่าเป็นการเพิ่มพละกำลังอย่างมากเมื่อเทียบกับ S6 E-Tron ที่มีกำลังสูงสุด 543 แรงม้า (405 กิโลวัตต์ / 551 แรงม้า PS) เมื่อใช้ระบบ launch control
สำหรับแบตเตอรี่ในรุ่นสมรรถนะสูงนี้ คาดว่า RS6 E-Tron จะใช้แบตเตอรี่ขนาด 100 kWh (94.4 kWh net) ซึ่งสามารถวิ่งได้ไกลถึง 466 ไมล์ (750 กิโลเมตร) ในรุ่นที่มีสมรรถนะน้อยกว่า แบตเตอรี่ 800V นี้รองรับการชาร์จเร็วสูงสุดถึง 270 kW เมื่อเชื่อมต่อกับเครื่องชาร์จ DC ที่รองรับ
ไลน์อัพ Audi RS6 E-Tron คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2025 โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงครึ่งหลังของปีนั้น
Source: Carscoops